ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เป็นคนไม่ค่อยสังคมกับใคร จนทำให้ตัวเองดูไม่มีคุณค่า ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้รับเลือก คิดแต่ว่าตัวเองไม่สวยและไม่ดีจนชีวิตเกือบพัง ขอให้หยุดความคิดเหล่านี้ไว้ก่อน แล้วลองมาอ่าน Get anyone to do anything หรือชื่อภาษาไทยว่าคู่มือสะกดใจของ ดร. David J. Liberman ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมมนุษย์และจิตวิทยาชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งงานหนังสือทุกชิ้นได้รับการตีพิมพ์พร้อมแปลเป็น 20 ภาษา และติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดใน New York Times ที่ได้เขียนงานวิจัยดีๆ ช่วยให้ผู้ที่กำลังคิดว่าตัวเองไม่มีสเน่ห์ ไม่น่าค้นหา ให้กลับมาคิดใหม่และทำใหม่อีกครั้งอย่างมั่นใจ ซึ่งเนื้อหาของหนังสือนั้นไม่ได้ช่วยแค่เรื่องสเน่ห์ดึงดูดด้านความรักเท่านั้น แต่สามารถนำกลวิธีเหล่านี้ไปใช้ในการทำงานหรือทำธุรกิจได้อีกด้วย
บางครั้งที่เราได้ออกเดตหรือพบกับคนที่มีความต่างกับเรามากๆ มีความชอบก็ไม่คล้ายกัน มุมมองด้านต่างๆ ก็ออกจะสวนทางกัน แต่เรากลับมองว่าเขาช่างมีสเน่ห์จนน่าประหลาดใจ นั่นก็อาจจะหมายความว่าเขากำลังใช้กลวิธีสร้างเสน่ห์อยู่หรือไม่ก็ทำออกมาจากนิสัยส่วนตัวจริงๆ ดังนั้นการที่เราจะใช้กลวิธีแบบเดียวกันนี้มาสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเราบ้างก็คงจะมีประโยชน์ไม่ใช่น้อย และกลวิธีเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานหรือการทำธุรกิจอย่างได้ผล ซึ่งกฏสั้นๆ ของกลวิธีนี้ คือ
1.การปลุกเร้าอารมณ์
ถ้าร่างกายของมนุษย์หลั่งสารอดรีนาลีนเมื่อไหร่ ความปรารถนาที่มีต่อคนรอบข้างก็จะถูกปลุกเร้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อนั้น หมายความว่าถ้าเราต้องพบคนที่นัดเดตหรือนัดเรื่องงาน จงสร้างความประทับใจแรกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, ทรงผม หรือบุคลิกที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของมนุษย์ที่ควรดูดีและดูเหมาะสม ถ้าคุณสามารถสร้างความประทับใจแรกให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตื่นเต้นจนสามารถที่จะหลั่งสารอดรีนาลีนหรือสารกระตุ้นออกมาได้ ก็จะทำให้คนนั้นมองว่าคุณเป็นคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจขึ้นมาทันที
2.ท่าทางการเดิน
เชื่อหรือไม่ว่าท่าทางการเดินที่คนมักจะคิดว่าไม่สำคัญกลับมีความหมายกับผู้ที่กำลังมาพบเราครั้งแรกอย่างมาก จากผลการวิจัยพบว่าผู้คนส่วนใหญ่จะมีปฏิกริยาตอบสนองกับผู้ที่มีท่าเดินกระฉับเฉง ดูสง่างาม มากกว่าผู้ที่ชอบเดินหลังค่อม เดินช้า ท่าทางการเดินคล้ายคนแก่ เพราะการเดินและการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างกระฉับกระเฉงจะทำให้ดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นจนน่ามอง ซึ่งการฝึกเล่นโยคะจะช่วยปรับท่าเดินที่ไม่ดีของคุณได้ ดังนั้นถ้าอยากมีเสน่ห์ก็แนะนำว่าควรเริ่มเล่นโยคะตั้งแต่วันนี้
3.การจ้องตา
กาจ้องตาถือว่าเป็นภาษากายที่เรียบง่ายและลงทุนน้อยที่สุด มีผลวิจัยว่าเพศตรงข้ามเมื่อจ้องตากันประมาณ 2 นาที ก็จะเริ่มปิ๊งกันแบบไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นถ้าต้องการให้ตัวเองมีสเน่ห์ก็จงจ้องตาฝ่ายตรงข้ามอย่างมีสเต็ป เช่น มองตาของเขาในขณะที่คนอื่นพูดอยู่แล้วอมยิ้มนิดๆ หรือในขณะที่เขาพูด เราก็ไม่จำเป็นต้องจ้องตาเขา แต่เมื่อใดที่เราพูดกับเขาก็ให้จ้องตาเขาไปด้วยเรื่อยๆ เพื่อเป็นการโปรยเสน่ห์แบบน่าค้นหา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกกันว่าการส่งต่ออารมณ์ด้วยแววตา
4.กฏแห่งการแตกต่างและเชื่อมโยง
เมื่อใดที่คุณจะต้องออกไปพบคนสำคัญในครั้งแรกควรที่จะไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ควรพาเพื่อนที่ดูดีกว่าตัวเองไปด้วยเพราะเพื่อนคนนั้นจะเด่นกว่าคุณและทำให้คนสำคัญของคุณหันไปสนใจเพื่อนมากกว่า แต่ก็ไม่ควรพาเพื่อนที่ดูแย่กว่าคุณมากๆ ไปด้วยเช่นกัน เพราะมันอาจจะพาให้คุณดูแย่ในสายตาของคนที่นัดพบไปด้วย ถ้าต้องการความปลอดภัยหรือความเด่นก็ควรใช้กฏแห่งการแตกต่างนั่นคือพาเพื่อนเพศตรงข้ามไปด้วย เพื่อเชื่อมโยงให้คนที่นัดพบได้เห็นว่าคุณน่าสนใจมากขนาดไหน
5.ความภาคภูมิใจในตัวเอง
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีดีด้านรูปร่างหน้าตา ก็ขอให้ภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ทั้ง 2 อย่างนี้จะช่วยให้คุณโดดเด่นและดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือถ้าคุณต้องการจีบใครสักคนให้ประสบความสำเร็จเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง ก็ควรเลือกคนที่เด่นรองลงมา เช่น ถ้าในกลุ่มหนึ่งมีคนที่โดดเด่นที่สุดและมีคนรองลงมาก็ให้เลือกจีบที่คนรองลงมาเท่านั้น รับรองได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน หรือเลือกคนที่ถูกบอกเลิก คนที่ถูกปฏิเสธมาหมาดๆ ก็จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
6.ความชอบพอซึ่งกันและกัน
ชอบใครก็ให้บอกรัก บอกชอบไปแบบตรงๆ เพราะมนุษย์เมื่อชอบใครสักคนแล้วรู้ว่าเขาก็ชอบตอบ เมื่อคนนั้นเข้ามาเทคแคร์ ดูแล เอาจใส่และบอกรักตรงๆ จะทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว ผิดกับคนที่รู้แต่กลับทำเป็นเฉยเมย ทั้งที่ในใจก็ชอบแต่ไม่กล้าและกลัวเสียฟอร์ม เชื่อว่าคนที่คุณชอบก็ยังคงชอบคุณอยู่ แต่ก็คงไม่คิดจะสานสัมพันธ์ระยะยาวต่ออย่างแน่นอน
7.การยิ้ม
การยิ่มคือความประทับใจแรกที่ทรงพลัง เพราะเป็นการบ่งบอกฝ่ายตรงข้ามว่าคุณมีความสุข, มีความมั่นใจ, มีความกระตือรือร้น และยอมรับซึ่งกันและกัน ข้อนี้จะเหมาะกับการไปสมัครงานหรือการไปพบปะลูกค้าใหม่ครั้งแรก เมื่อใดที่เจอกันแล้วเรายิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงใจ จะทำให้ผู้ที่มาพบรู้สึกได้ถึงการยอมรับและความยินดีที่ได้เจอกัน ทำให้การคุยงานเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
8.ปรากฏการณ์แรกเริ่ม
เมื่อใดที่ผู้มาพบประทับใจตั้งแต่ยิ้มแรก ความประทับใจนั้นก็จะติดอยู่ในใจของผู้มาพบทันที ดังนั้นปรากฏการณ์เริ่มแรกคุณก็ควรทำให้ดีด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเหมือนกับว่าคุณมีแต้มบวกมาอยู่แล้ว 1 แต้ม ยิ่งถ้าคุณทำให้สิ่งที่นำเสนอออกมาดีมากขึ้น แสดงถึงความเป็นมิตร พูดคุยอย่างสุภาพอ่อนโยน และทำให้ผู้มาพบเห็นบุคลิกที่ดี เชื่อได้เลยว่าการคุยงานในวันนั้นจะง่ายมากกว่าเดิมเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว
9.การระลึกถึงข้อมูลและการปูพื้น
การระลึกถึงข้อมูลและการปูพื้น คือ การสาธิตให้ผู้ที่มาพบเห็นถึงความดีงามของเราตั้งแต่เริ่มแรก ความดีงามนั้นก็จะติดอยู่ในใจและอยู่ในทัศนคติของผู้นั้นไปตลอด วิธีนี้ต้องพึ่งพาคนปูพื้นที่อาจจะเป็นเพื่อน, เลขา หรือคนรู้จักที่จะนำเอาสารด้านบวกไปบอกต่อกับคนที่กำลังจะมาพบ เช่น เป็นคนดี, มีความมุ่งมั่น, ตั้งใจทำงาน เมื่อผู้มาพบได้รับคีย์เวิร์ดเหล่านี้ไปก็จะคาดหวังว่าเมื่อพบกับเราแล้วก็จะเป็นไปตามที่ผู้พูดได้ปูพื้นมา หรือถ้าคุณเป็นคนที่ไปสมัครงานก็ควรทิ้งคีย์เวิร์ดสั้นๆ ที่กระชับ มีความหมายหนักแน่นและเป็นด้านบวกไว้ในช่องแนะนำตัว เช่น เป็นคนซื่อสัตย์, ขยันและอดทน เป็นต้น
เมื่อใดที่คุณเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ลองนำบทความนี้มาอ่านแล้วทำตามทั้ง 9 ข้อดูสิคะ เชื่อว่าแค่อ่านก็ทำให้คุณรู้สึกมีกำลังใจและมีพลังงานมากขึ้น ยิ่งถ้านำไปใช้งานต่ออย่างถูกต้องก็จะเป็นประโยชน์ให้กับชีวิตของคุณได้อย่างแน่นอน อย่ารอช้า!! มาเสริมพลังใจ เสริมเสน่ห์ และกลายเป็นคนใหม่ที่สะกดใจคนได้อย่างเหลือเชื่อกันเถอะค่ะ